รู้จัก” สมาคมผู้ค้าปลีกไทย”
1. ความเป็นมา
สมาคมผู้ค้าปลีกไทยถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณ พ.ศ. 2522 จากความร่วมแรงร่วมใจ ของผู้ประกอบธุรกิจด้านค้าปลีก เพื่อเป็นการสร้างความสามัคคีระหว่างกัน เป็นที่ปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนข่าวสาร และร่วมกันแก้ไขปัญหา ตลอดจนแสดงความคิดเห็น และจากความร่วมแรงร่วมใจ ของผู้ประกอบธุรกิจด้านค้าปลีก เพื่อเป็นการสร้างความนำไปสู่ การพัฒนาอุตสาหกรรมค้าปลีก ของประเทศ โดยในระยะแรก การรวมตัวกันมีลักษณะไม่เป็นทางการใช้ชื่อว่า “ชมรมผู้ค้าปลีกห้างสรรพสินค้า” มี คุณบรรหาร ศิริศิลป์ จากร้านสหกรณ์กรุงเทพ เป็นประธานชมรมฯคนแรก มีสมาชิกเป็น ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าต่างๆ เช่นคุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ จากห้างเซ็นทรัล Mr. Frank Lim จากฟู้ดแลนด์ คุณวินัย เสริมศิริมงคล จากห้างพาต้า คุณสมชาย สาโรวาท จากห้างอิมพิเรียล คุณสุรัตน์ อัมพุช จากห้างเดอะมอลล์ คุณปรีชา เวชสุภาพร จากห้างโรบินสัน คุณมนต์ชัย จุนประทีปทอง จากห้างตั้งฮั่วเส็ง เป็นต้น
ต่อมาเมื่อธุรกิจค้าปลีกเติบโตขึ้น สมาชิกของชมรมฯ จึงเล็งเห็นถึงความจำเป็น ที่จะต้องจัดตั้งให้อยู่ในรูปของสมาคมฯ เพื่อรองรับความเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงได้มีการจดทะเบียนเป็นสมาคมฯอย่างเป็นทางการใช้ชื่อว่า “สมาคมผู้ค้าปลีกห้างสรรพสินค้า” เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2527 โดยมี คุณสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ เป็นนายกสมาคมฯคนแรก ในขณะนั้นมีห้างสรรพสินค้าที่เป็นสมาชิก 11 แห่ง
ในปี พ.ศ.2531 - พ.ศ.2535 คุณสมชาย สาโรวาท ดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมผู้ค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ต่อจากคุณสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสมาคมฯ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ขณะนั้น และในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2534 ได้เปลี่ยนชื่อสมาคมฯ เป็นชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือ “สมาคมผู้ค้าปลีกไทย”
ในปี พ.ศ.2535 - พ.ศ.2539 คุณวิโรจน์ จุนประทีปทอง ได้เปลี่ยนชื่อเรียกจากนายกสมาคมฯ เป็นประธานสมาคมฯ รองนายกสมาคมฯ เป็น รองประธานสมาคมฯ ในปี พ.ศ.2535
ในปี พ.ศ.2539 - พ.ศ.2543 คุณสุทธิชาติ จิราธิวัฒน์ จาก ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฯ เป็นระยะเวลา 2 สมัย
ในปี พ.ศ.2543 - พ.ศ.2547 คุณพิทยา เจียรวิสิฐกุล จาก บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฯ เป็นระยะเวลา 2 สมัย
ในปี พ.ศ.2547 - พ.ศ.2549 คุณลิขิต ฟ้าปโยชนม์ จาก ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฯ เป็นระยะเวลา 1 สมัย
ในปี พ.ศ.2549 – พ.ศ.2551 คุณธนภณ ตังคณานันท์ จาก ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฯ เป็นระยะเวลา 1 สมัย
ในปี พ.ศ.2551 – พ.ศ.2553 คุณธนภณ ตังคณานันท์ จาก บริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฯ เป็นระยะเวลา 1 สมัย
ในปี พ.ศ.2553 – พ.ศ.2557 คุณบุษบา จิราธิวัฒน์ จาก ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฯ เป็นระยะเวลา 2 สมัย
ในปี พ.ศ.2557 – พ.ศ.2561 คุณจริยา จิราธิวัฒน์ จาก บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฯ เป็นระยะเวลา 2 สมัย
ในปี พ.ศ.2561 - พ.ศ.2563 คุณวรวุฒิ อุ่นใจ จาก บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฯ เป็นระยะเวลา 1 สมัย
ในปี พ.ศ.2563 คุณคมสัน ขวัญใจธัญญา จาก บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ดำรงตำแหน่ง รักษาการประธานสมาคมฯ เป็นระยะเวลา 6 เดือน
ในปี พ.ศ.2563 – พ.ศ.2567 คุณญนน์ โภคทรัพย์ จาก บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฯ เป็นระยะเวลา 2 สมัย
ในปี พ.ศ.2567 – ปัจจุบัน คุณณัฐ วงศ์พานิช จาก บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์กรุ๊ป จำกัด เข้ารับดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฯ จนปัจจุบัน
นายกสมาคมฯ ผู้ค้าปลีกห้างสรรพสินค้า / ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย
1. คุณสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ (พ.ศ. 2527 – พ.ศ. 2529, พ.ศ. 2529 - พ.ศ. 2531)
2. คุณสมชาย สาโรวาท (พ.ศ. 2531 - พ.ศ. 2533, พ.ศ. 2533 – พ.ศ. 2535)
3. คุณวิโรจน์ จุนประทีปทอง (พ.ศ. 2535 – พ.ศ. 2537, พ.ศ. 2537 - พ.ศ. 2539)
4. คุณสุทธิชาติ จิราธิวัฒน์ (พ.ศ. 2539 – พ.ศ. 2541, พ.ศ. 2541 - พ.ศ. 2543)
5. คุณพิทยา เจียรวิสิฐกุล (พ.ศ. 2543 – พ.ศ. 2545, พ.ศ. 2545 – พ.ศ. 2547)
6. คุณลิขิต ฟาปโยชนม์ (พ.ศ. 2547 – พ.ศ. 2549)
7. คุณธนภณ ตังคณานันท์ (พ.ศ. 2549 – พ.ศ. 2551, พ.ศ. 2551 – พ.ศ. 2553)
8. คุณบุษบา จิราธิวัฒน์ (พ.ศ. 2553 – พ.ศ. 2555, พ.ศ. 2555 – พ.ศ. 2557)
9. คุณจริยา จิราธิวัฒน์ (พ.ศ. 2557 – พ.ศ. 2559, พ.ศ. 2559 – พ.ศ. 2561)
10. คุณวรวุฒิ อุ่นใจ (พ.ศ. 2561 – พ.ศ.2562)
11. คุณญนน์ โภคทรัพย์ (พ.ศ.2563 - พ.ศ.2565, พ.ศ.2565 - พ.ศ.2567)
12. คุณณัฐ วงศ์พานิช (พ.ศ.2567 - ปัจจุบัน)
2.วัตถุประสงค์ของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย
(1) ส่งเสริมการประกอบวิสาหกิจ ประเภทที่เกี่ยวกับการค้าปลีก
(2) ส่งเสริมความร่วมมือและสร้างความเข้าอันดีระหว่างผู้ประกอบการค้าปลีกและภาครัฐ
(3) ร่วมมือกับรัฐบาลในการส่งเสริมการค้าปลีกขนาดกลางและขนาดย่อมให้อยู่ในมาตรฐานที่ดี สอดคล้องกับนโยบายของทางราชการ
(4) ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างผู้ผลิตและผู้ประกอบการค้าปลีก
(5) พัฒนาและปรับปรุงข้อมูลธุรกิจค้าปลีก
(6) สนับสนุนและช่วยเหลือ แก้ไขอุปสรรคข้อขัดข้องต่างๆ ในการประกอบวิสาหกิจของสมาชิก เพื่อประโยชน์ร่วมกัน
(7) ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของตลาดการค้าปลีกทั้งภายในและภายนอกประเทศ
(8) ไม่ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการเมือง
3. การบริหารงาน
สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเป็นองค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไร กิจการของสมาคมฯ ดำเนินการตามนโยบาย ของคณะกรรมการบริหารของสมาคมฯ ซึ่งเป็นสมาชิกสามัญ ผู้ได้รับการเลือกตั้ง จากที่ประชุมใหญ่ จำนวนไม่น้อยกว่า 6 คน ไม่เกิน 17 คน และให้ที่ประชุมลงมติเลือกผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็น ประธาน รองประธาน เลขาธิการ เหรัญญิก นายทะเบียน ปฏิคม หรือกรรมการอื่นๆ ตามความเหมาะสม ปัจจุบันคณะกรรมการมีทั้งหมด 16 คน คณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งคราวละ 2 ปี ปัจจุบันมีการแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการรับผิดชอบเฉพาะเรื่องอีก 3 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการทรัพยากรมนุษย์และธุรการ คณะอนุกรรมการด้านความปลอดภัยอาหาร และคณะอนุกรรมการด้านการป้องกันการสูญเสียและสูญหาย โดยมีผู้อำนวยการบริหาร เป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานของสมาคมฯ
คณะกรรมการบริหาร สมาคมผู้ค้าปลีกไทย 2567-2569
.jpg)
4. การดำเนินงานของสมาคมฯ
รายได้ของสมาคมฯ ส่วนใหญ่มาจากค่าบำรุงสมาชิกและเงินบริจาค สมาคมฯ เป็นสมาชิก หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมกรรมท่องเที่ยวประเทศไทย สถาบันสัญลักษณ์รหัสแท่งไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ECR Thailand และ สมาพันธ์ผู้ค้าปลีกแห่งเอเชียแปซิฟิก (Federation of Asian Retailers’ Association / FAPRA) การดำเนินงานของสมาคมฯ อาจแยกเป็นกลุ่มกิจกรรมได้ ดังนี้
4.1 ด้านการพัฒนาองค์กร
ด้วยความร่วมมือร่วมใจในการบริจาคทุนทรัพย์ของสมาชิก ในปี 2539 สมาคมฯ สามารถซื้อ สำนักงานเป็นของตนเองได้ ณ ห้องเลขที่ 100/9 ชั้น 12 อาคารว่องวานิช บี ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร และในปีเดียวกันได้มี การแก้ไขข้อบังคับของสมาคมฯ เพื่อให้บุคคลภายนอก เข้าบริหารสมาคมฯ เนื่องจากสมาคมฯ มีกิจกรรมมากขึ้น โดยได้เพิ่มตำแหน่งผู้อำนวยการบริหาร ขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2539 ในปัจจุบัน มี คุณจุฑารัตน์ วงศ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการบริหาร
จากการที่สมาคมฯ มีที่ทำการถาวร และมีเจ้าหน้าที่ประจำทำหน้าที่บริหารงานของสมาคมฯ ทำให้สมาคมฯ สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นหลายคณะ คือ
1. ทรัพยากรมนุษย์และธุรการ (Human Resources)
2. คณะอนุกรรมการด้านความปลอดภัยอาหาร (Food Safety / Product Safety)
3. คณะอนุกรรมการด้านการป้องกันการสูญเสียและสูญหาย (Loss Prevention)
มีการจัดเสนอข่าวบริการแก่สมาชิกทางจดหมายอิเล็คทรอนิค รวมทั้งเป็นศูนย์กลาง การประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในขณะเดียวกันในด้านต่างประเทศ สมาคมฯก็มีการติดต่อกับสมาคมฯ ผู้ค้าปลีกในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอย่างสม่ำเสมอและได้รับการยอมรับอย่างน่าภาคภูมิใจ
สมาคมฯ มีการจัดกิจกรรมเพื่อหารายได้บำรุงสมาคมฯ เป็นครั้งคราว เช่น การจัดสัมมนา งานกาลาดินเนอร์ การจัดการแข่งขันกอล์ฟ และโบว์ลิ่ง เป็นต้น
4.2 ด้านการพัฒนาสมาชิกภาพ
ณ วันที่ 23 เมษายน 2568 สมาคมฯ มีสมาชิกทั้งสิ้น 93 ราย แยกเป็นสมาชิกสามัญ 49 ราย สมาชิกสมทบ 44 ราย สมาชิกจะได้รับบริการจากสมาคมฯ ทั้งในด้านข่าวสารข้อมูล เช่น การออกจดหมายข่าว การสรุปข่าวค้าปลีก ข่าวสารทางวิชาการด้านการบริหารการค้าปลีก ที่เป็นแนวความคิดใหม่ๆ มีการจัดให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสมาชิกด้วยกัน อาทิ เรื่องการป้องกันสินค้าสูญเสียและหาย และการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมฯผู้ค้าปลีกในประเทศต่างๆ และโดยเฉพาะกับสมาพันธ์ผู้ค้าปลีกแห่งเอเชียแปซิฟิก (Federation of Asian Retailers’ Association หรือ FAPRA)
การเข้าร่วมสัมมนาต่างๆ ทั้งที่สมาคมฯ จัดขึ้นเองและที่สมาคมฯ จัดร่วมกับหน่วยงานอื่น เพื่อให้ความรู้แก่สมาชิก โดยไม่เก็บค่าเข้าร่วมสัมมนาหรือเก็บในอัตราพิเศษ เป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากสมาชิกอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงในด้านกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงกฎหมายแรงงาน หรือภาษีอากร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลง ในด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการค้าปลีก
การจัดกิจกรรมต่างๆ นั้น สมาคมฯ มีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ
- เพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างสมาชิกของสมาคมฯ
- เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกและคู่ค้า
- เพื่อหารายได้พัฒนาสมาคมฯและจัดกิจกรรมให้บริการต่อสมาชิกของสมาคมฯ ทางด้านวิจัยและพัฒนา การจัดเก็บข้อมูลและการอบรมสัมมนา
4.3 ด้านการพัฒนาความสัมพันธ์กับคู่ค้า
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าจัดว่าเป็นงานที่มีความสำคัญยิ่งขึ้นทุกขณะ สมาคมฯ มีความภูมิใจที่ได้ร่วมมือ และชักชวนให้สถาบันสัญลักษณ์รหัสแท่งไทย ซัพพลายเออร์ และผู้ค้าปลีก ก่อตั้ง ECR Thailand อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2540 โดยมีวัตถุประสงค์ให้มีการพัฒนาแนวคิด ECR เพื่อลดต้นทุน ในอุตสาหกรรมการผลิต การค้าส่ง การกระจายสินค้า การค้าปลีก ในขณะเดียวกันก็สนองความต้องการ ของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น สมาคมฯ ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมทำงานในองค์กรต่างๆ เข้าร่วมทำงานกับคณะกรรมการ สาขาค้าปลีกของหอการค้าไทย และทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สถาบันสัญลักษณ์รหัสแท่งไทย Truck Terminal Committee และ Bar Code/EDI Working Group ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น
4.4 ด้านการพัฒนารัฐสัมพันธ์
สมาคมฯ เป็นแกนกลางสำคัญ ในการประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ ในกิจกรรมที่เกี่ยวกับ การค้าปลีก โดยการนำเสนอข้อมูล เพื่อให้หน่วยงานของรัฐ นำไปพิจารณาในการตัดสินใจ กำหนดนโยบายที่สำคัญ เช่น การลด/เพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม การแก้ไขแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีป้าย ในปี 2541- 2542 สมาคมฯ ร่วมกับสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล เพื่อขอยกเว้นภาษีมูลค่าแก่นักท่องเที่ยวในระหว่างปี Amazing Thailand (2541- 2542)
และเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยราชการของรัฐ สมาคมฯ ให้ความร่วมมือ แก่หน่วยงานดังกล่าวอย่างเต็มที่ เช่น ร่วมกับกรมส่งเสริมสินค้าส่งออกจัดงาน Amazing Thailand Grand Sale, ร่วมกับกรมอาชีวศึกษา ในการจัดทำหลักสูตรธุรกิจค้าปลีก ในการศึกษาระบบทวิภาคี เพื่อผลิตบุคคลากรตรงกับตลาดแรงงาน ค้าปลีกสมัยใหม่, เข้าร่วมเป็นกรรมการ ในคณะกรรมการ ว่าด้วยฉลากสินค้า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และอื่นๆ เป็นต้น
นอกจากนี้สมาคมได้จัดตั้งคณะทำงาน เพื่อประสานงาน และเสนอแนะต่อหน่วยราชการ เช่น คณะทำงานเพื่อหาข้อสรุปเรื่อง “แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจค้าส่งค้าปลีก” เป็นต้น
สมาคมฯ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนางานดังกล่าวทุกด้านต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้สมาชิก ได้รับประโยชน์สูงสุดจากสมาคมฯ และเพื่อความเป็นปึกแผ่นของอุตสาหกรรมค้าปลีกโดยส่วนรวม ทั้งนี้เนื่องจากสมาคมฯ ตระหนักดีว่า โลกกำลังเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ ข้อมูลข่าวสารและความรู้ กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงขึ้น และเพื่อจะก้าวให้ทันโลก ในยุคปัจจุบัน จำเป็นที่ผู้ประกอบการในประเทศ จะต้องมีการร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ และสมาคมฯ ก็พร้อมที่จะทำหน้าที่สนับสนุนอย่างเต็มกำลัง
|